ประโยชน์จากการเจริญวิปัสสนา
ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติสมาธิภาวนามีมากมาย จนยากที่จะอธิบายให้เห็นจริงได้จนกว่าผู้นั้นได้ลงมือปฏิบัติให้เห็นผลจริงได้ด้วยตนเอง พอกล่าวเป็นตัวอย่างได้ดังนี้
๑. ทำให้จิตใจเกิดความสงบเยือกเย็นเป็นสุข[๑]
๒. ปิดประดูอบาย คือ เมื่อบรรลุโสดาบันแล้ว ตั้งแต่ชาตินี้เป็นต้นไปจะไม่ตกนรก[๒]ไม่เกิดเป็นเปรตอสุรกาย และสัตว์เดรัจฉานอีก[๓]
๓. เมื่อปฏิบัติวิปัสสนาถึงสังขารุเปกขาญาณ (ญาณที่ ๑๑) จนแก่กล้าแล้ว ทำให้โรคบางอย่างหายได้ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับลมและเลือด[๔]
๔. ถ้ามีเหตุให้ปฏิบัติไม่สำเร็จ ไปติดอยู่เพียงแค่ญาณ ๑๑ ก็ไม่เสียเวลาเปล่า เพราะจะเกิดปัญญาญาณ ที่จะใช้ในการแก้ปัญหาต่างๆ ได้
๕. แก้อาถรรพ์ มนต์ดำได้ ไม่ว่าจะถูกของหรือโดนยาพิษ ยาสั่งมา เมื่อปฏิบัติจนถึงสังขารุเปกขาญาณแล้ว อาถรรพ์จะหายไปจนเกลี้ยง ( เรื่องนี้ขอท้าให้พิสูจน์)
๖. บรรลุมรรค ผล นิพพานได้[๕] ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกใน ๓๑ ภูมิ คือไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด และไม่ต้องตกนรกอีกต่อไป อันเป็นจุดประสงค์สูงสุดอย่างแท้จริงในพระพุทธศาสนา[๖]
อานิสงส์การเจริญวิปัสสนา ๔ ประการ
๑. มีสติมั่นคงไม่ตายด้วยความหลง[๗]
๒. ได้เกิดอยู่ในสุคติภูมิ (คือมนุษย์, สวรรค์)
๓. ถ้าอุปนิสัยยังอ่อน ก็จะเป็นอุปนิสัยติดขันธสันดานไปในภพหน้า[๘]
๔. ถ้ามีอุปนิสัยและอินทรีย์แก่กล้า ก็จะทำพระนิพพานให้แจ้งด้วยปัญญาภายใน ๗ วันหรือ ๗ เดือน หรือ ๗ ปี พระอรหันต์หรือพระอนาคามี พึงหวังได้[๙]
๒. ได้เกิดอยู่ในสุคติภูมิ (คือมนุษย์, สวรรค์)
๓. ถ้าอุปนิสัยยังอ่อน ก็จะเป็นอุปนิสัยติดขันธสันดานไปในภพหน้า[๘]
๔. ถ้ามีอุปนิสัยและอินทรีย์แก่กล้า ก็จะทำพระนิพพานให้แจ้งด้วยปัญญาภายใน ๗ วันหรือ ๗ เดือน หรือ ๗ ปี พระอรหันต์หรือพระอนาคามี พึงหวังได้[๙]
โดย พระมหาประเสริฐ มนฺตเสวี
คัมภีร์อรรถกถาอธิบายเสริมว่า “นี่เป็นวิธีการที่พระอรหันต์ผู้บำเพ็ญวิปัสสนาล้วน ส่งจิตในอรหัตตผลสมาบัติไปยังอุปาทานขันธ์ ๕ คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณเพื่อจะทดสอบดูว่า ความยึดมั่นรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณว่าเป็นอัตตา ยังมีอยู่หรือไม่"