DEVILFREEDOM

น้องใหม่...หัดทำBlogจร้า

วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วัดพนัญเชิง

 วัดพนัญเชิง เป็นวัดเก่าแก่และสำคัญวัดหนึ่งของอยุธยา มีชื่อเสียงระบือไปทั่ว
ประเทศโดยเฉพาะหลวงพ่อโตหรือเจ้าพ่อซำปอกงที่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย
และชาวจีนต่างให้ความเคารพนับถือมาช้านาน เมื่อมายังวัดแห่งนี้จะไม่แปลกที่
จะต้องพบเจอผู้คนจำนวนมากที่ไหลเวียนมานมัสการหลวงพ่อโตกันอย่างเนืองแน่น

ประวัติ
วัดพนัญเชิง เป็นวัดที่มีประวัติอันยาวนาน ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา
และไม่ปรากฎหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่า
พระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง และพระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิง
และในพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐกล่าวไว้ว่า ได้มีการสถาปนาพระพุทธรูปพุทธ
ชื่อ”พระเจ้าพแนงเชิง” เมื่อปี พ.ศ. ๑๘๖๗ ซึ่งก่อนพระเจ้าอู่ทองจะสถาปนา
กรุงศรีอยุธยาถึง ๒๖ ปี


-พระพุทธไตรรัตนนายก-

จุดน่าสนใจ
หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก
พระพุทธรูปศิลปะอู่ทองตอนปลาย ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ ขนาดหน้าตัก
กว้าง ๑๔.๒๐ เมตร สูง ๑๙.๒๐ เมตร วัสดุ ปูนปั้นลงรักปิดทอง
หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก หรือพระโตของชาวอยุธยาองค์นี้ ถือกันว่า
เป็นพระโบราณคู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาแต่แรกสร้างกรุง พงศาวดารกรุงเก่า
ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ระบุว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๑๘๖๘ หรือสมเด็จพระ
รามาธิบดีที่ ๑ สถาปนากรุงศรีอยุธยา ๒๖ ปีและเมื่อกรุงศรีอยุธยาใกล้จะแตก
ปรากฏในคำให้การขาวกรุงเก่าว่าพระปฏิมากรใหญ่ที่วัดพนัญเชิงมีน้ำพระเนตรไหล
เป็นที่อัศจรรย์

หลวงพ่อโตเป็นพระองค์หนึ่งซึ่งเป็นที่เคารพนับถือในหมู่ชาวจีนมากโดยเรียกกันว่า
“ซำปอกง” นอกจากชาวไทยแล้วยังมีผู้มีเชื้อสายจีนหลั่งไหลกันมากราบไหว้
บูชาจำนวนมากและเป็นประจำทุกปีจะมีการจัดงานประจำปีใหญ่ๆ ๔ งานกล่าวคือ

๑. งานสงกรานต์ ๑๓ เมษายน เป็นงานใหญ่มีการนมัสการและเวียนเทียนประทักษิณ
รอบองค์พระติดต่อกันถึง ๕ วัน
๒. งานสรงน้ำและห่มผ้าถวาย วันแรม ๘ ค่ำเดือนเมษายน มีการสรงน้ำและเปลี่ยนผ้า
ห่มผืนใหม่ ส่วนผืนเก่าที่ใช้มาตลอด ๑ ปี จะฉีกเป้นชิ้นเล็กๆ แจกจ่ายให้ผู้คนนำไปบูชา
๓. งานทิ้งกระจาดหรืองานงิ้วเดือน ๙ จะมีงิ้วและมหรสพอื่นๆ เล่นประชันกันอย่างครึกโครม
จะมีผู้คนนับหมื่นหลั่งไหลกันมานมัสการนับเป็นงานทิ้งกระจาดที่ใหญ่ที่สุดใน
ประเทศไทยทีเดียว
๔. งานตรุษจีนเป็นงานใหญ่อีกงานหนึ่ง จะมีการเปิดประตูพระวิหารหลวงไว้
ทั้งวันทั้งคืนตลอด ๕ วันที่จัดงาน
พระพุทธรูปทองคำในพระอุโบสถ
ในพระอุโบสถวัดพนัญเชิงนั้นมีพระพุทธรูปสำคัญ 3 องค์ คือพระพุทธรูปทองคำ
พระพุทธรูปปูน และพระพุทธรูปนาค พระพุทธรูปทองเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย
ทำจาทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 3 ศอก สูง 4 ศอก มีสีทองอร่ามใสเป็นเงาสะท้อน
อย่างชัดเจน องค์กลางเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสมัยอยุธยาหน้าตักกว้าง 4 ศอก
สูง 5 ศอก ส่วนพระพุทธรูปนาคเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยนั้นจะมีสีออกแดงๆ
หน้าตักกว้าง 3 ศอก สูง 5 ศอก กล่าวกันว่าพระพุทธรูปทองและนาคนี้เพิ่งถูกพบว่า
เป็นพระทองและพระนาค ด้วยบังเอิญ เนื่องจากแต่เดิมทีพระทั้งสององค์ถูกฉาบ
เคลือบด้วยปูน จนมีลักษณะคล้ายกับพระพุทธรูปปูนปั้นทั่วไป สาเหตุคงเพราะว่า
ช่วงเวลาก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะถูกข้าศึกบุกตีพระนคร คนในสมัยนั้นเกรงว่า
พระพุทธรูปทองและพระพุทธรูปนาคนี้จะถูกขโมยหรือเผาเอาทองไป
จึงได้ฉาบปูนเคลือบและปั้นปูนในขณะที่ปูนยังไม่แห้งเพื่อทำเป็นลายจีวรและ
ลักษณะต่างๆเช่น ปั้นรูปพระพักตร์ พระเกศา เพื่อให้เข้าใจว่าไม่ใช่พระทองคำ
และพระนาค จนกระทั่งในภายหลังมีผู้ไปค้นพบว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำ
เนื่องจากเศษปูนได้กะเทาะออกมาและเนื้อภายในเป็นทอง จึงได้ค่อยๆกะเทาะ
ปูนออกให้หมด จึงได้เห็นว่าเป็นพระทองคำทั้งองค์และนำมาประดิษฐาน
อยู่ภายพระอุโบสถของวัด


-พระพุทธรูปทองคำในพระอุโบสถ-

ตำหนักเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก
ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวิหารหลวงพ่อโต ใกล้กับแม่น้ำป่าสักลักษณะทั่วไปเป็นเก๋งจีน
เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ซึ่งชาวจีนเรียกว่า “จู๊แซเนี้ย”
มีประวัติอยู่ว่า นางสร้อยดอกหมากเป็นบุตรบุญธรรมของพระเจ้ากรุงจีน
ได้ยกให้พระนางอภิเษกสมรสกับพระเจ้าสายน้ำผึ้งซึ่งเป็นพระเจ้ากรุงสยาม
แต่พระนางสร้อยดอกหมากได้กลั้นใจตายเมื่อพระเจ้าสายน้ำผึ้งไม่มารับพระนาง
ที่เรือด้วยพระองค์เองเพื่อจะเข้าพระนครหลังจากพระนางสร้อยดอกหมากกลั้นใจตาย
พระเจ้าสายน้ำผึ้งจึงโปรดฯ ให้อัญเชิญพระศพมาพระราชทานพระเพลิงที่แหลมบางกะจะ
และที่นี้เองได้สถาปนาเป็นพระอารามให้นามชื่อว่า วัดพระนางเชิง หรือวัดพระนางทำเชิง

การเดินทาง
ทางรถยนต์ หากเดินทางมาจากรุงเทพโดยใช้ถนนสายเอเชีย(ทางหลวงหมายเลข 32)
เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกเข้าอยุธยา ตรงเข้ามาจะพบวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้ม ให้เลี้ยวซ้าย
ไปอีก 1.5 กม.วัดใหญ่ชัยมงคล จะอยู่ทางซ้ายมือ และตรงไปอีกราว 3 กม.
จะเห็นวัดพนัญเชิงอยู่ทางขวามือ

ทางเรือ ท่านอาจเช่าเหมาเรือหางยาวจากบริเวณหลังลานจอดรถฝั่งตรงข้าม
พระราชวังจันทรเกษมด้านตะวันออกของเกาะเมือง ล่องไปตามลำน้ำป่าสัก
ลงไปทางใต้ผ่านวิทยาลัยการต่อเรือพระนครศรีอยุธยา วัดพนัญเชิงวรวิหาร
วัดพุทไธศวรรย์ โบสถ์โปรตุเกส วัดไชยวัฒนาราม วัดกษัตราธิราชวรวิหาร
และเจดีย์พระศรีสุริโยทัย

เปิด 7.00-18.00 น.